พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนเเละครอบครัว

พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนเอง
   การพัฒนา  หมายถึง  การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น  โดยอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่ดีให้กลายเป็นดี  หรือสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น  โดยเฉพาะการพัฒนาตนเอง  ซึ่งอาจมองได้เป็น  ๒  ทาง  คือ การพัฒนาตนให้เป็นคนดี กับ การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่ง
   พระพุทธศาสนามีหลักธรรมที่ส่งเสริมให้มนุษย์สามารถพัฒนาตนให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง  อยู่มากมาย  ตัวอย่างหลักธรรมเหล่านี้  ได้แก่
๑)  หลักธรรมสำหรับการพัฒนาตนให้เป็นคนดี
   ๑)  เบญจศีล  หรือ  ศีล  ๕  เป็นหลักธรรมที่ว่าด้วยการรักษากายและวาจาให้เรียบร้อยเป็นข้อปฏิบัติในการละเว้นจากความชั่ว  และรู้จักควบคุมตัวให้ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียน  มี  ๕  ประการ คือ
(๑)  การไม่ฆ่าสัตว์หรือทรมานทำร้ายสัตว์
(๒)  การไม่ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น
(๓)  การไม่ประพฤติผิดลูกเมียของผู้อื่น
(๔)  การไม่พูดโกหกผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัวภาพ
(๕)  การไม่ดื่มสุราหรือเสพสิ่งเสพติด
   ๒)  เบญจธรรม  หรือ  เบญจกัลยาณธรรม  เป็นหลักธรรมที่เกื้อกูลแก่การรักษาเบญจศีลโดยมุ่งเน้นที่การกระทำเพิ่ม  มิใช่การละเว้นเพียงอย่างเดียว  มี  ๕  ประการ  ได้แก่
๑)  เมตตาและกรุณา  คือ  มีความรักและปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข
๒)  สัมมาอาชีวะ  คือ  การทำมาหาเลี้ยงชีพในทางสุจริต
๓)  กามสังวร  คือ  รู้จักสำรวม  ระมัดระวัง  และยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์
๔)  สัจจะ  คือ  มีความซื่อสัตย์  ซื่อตรง
๕)  สติสัมปชัญญะ  คือ  รู้จักยั้งคิดและรู้สึกตัวอยู่เสมอว่า  สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ
๒)  หลักธรรมสำหรับการพัฒนาตนให้เป็นคนเก่ง
   ๑)  อิทธิบาท  ๔  หมายถึง  หลักธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จสมดังความมุ่งหมาย  มี  ๔  ประการ  ได้แก่
๑)  ฉันทะ  ความพอใจ  คือ  ความต้องการที่จะทำสิ่งนั้นๆอยู่เสมอ  และยังปรารถนาที่จะทำให้สิ่งนั้นได้ผลดียิ่งขึ้น
พระพุทธศาสนากับการพัฒนาครอบครัว
   พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับครอบครัว  เพราะถือว่าครอบครัวที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และการพัฒนา  พระพุทธศาสนาจึงมีหลักธรรมที่ส่งเสริมให้มนุษย์พัฒนาครอบครัวอยู่มากมาย  ตัวอย่างหลักธรรมเหล่านี้ได้แก่
๑) หลักธรรมที่แสดงความสัมพันธ์ของคนในฐานะที่แตกต่างกัน
   ทิศ  ๖  เป็นหลักธรรมที่แสดงความสัมพันธ์ของคนในฐานะที่แตกต่างกัน  บอกหน้าที่ที่บุคคลพึงปฏิบัติต่อกันและที่ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทางสังคมดุจทิศที่อยู่รอบตัว  สำหรับหลักธรรมในทิศ  ๖  ที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาครอบครัว  คือ  ปุรัตถิมทิศ  หรือทิศเบื้องหน้า ได้แก่ มารดา บิดา กับ ปัจฉิมทิศ  คือ ทิศเบื้องหลัง  ได้แก่ สามี ภรรยา
   ๑)  ปุรัตถิมทิศ  หรือ ทิศเบื้องหน้า  คือ  ทิศตะวันออก ได้แก่  มารดาบิดา  เพราะเป็นผู้มีอุปการคุณแก่เรามาก่อน  สำหรับหลักเกณฑ์ที่บุตรธิดาพึงบำรุงมารดาบิดาและหลักเกณฑ์ที่มารดาบิดาพึงอนุเคราะห์บุตรธิดา  มีดังนี้

 การบำรุงมารดาบิดา
การอนุเคราะห์บุตรธิดา 
 ท่านเลี้ยงเรามา  เราเลี้ยงท่านตอบ                             ห้ามปรามจากความชั่ว                                                
 ช่วยทำการงานของท่าน  ให้ตั้งอยู่ในความดี
 ดำรงวงศ์ตระกูล  ให้ศึกษาศิลปวิทยา
 ประพฤติตนให้เหมาะกับความเป็นทายาท  หาคู่ครองที่สมควร
 เมื่อท่านล่วงลับ  ทำบุญอุทิศให้ท่าน  มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันควร
   ๒)  ปัจฉิมทิศ  หรือ ทิศเบื้องหลัง  คือ ทิศตะวันตก  ได้แก่ สามี-ภรรยา  เพราะติดตามเป็นกำลังสนับสนุนอยู่ข้างหลัง  ซึ่งหลักเกณฑ์การบำรุงภรรยา  และการอนุเคราะห์สามี  มีดังนี้

 การบำรุงภรรยา                                                    การอนุเคราะห์สามี                                                 
 ยกย่องให้สมเกียรติกับฐานะที่เป็นภรรยา  จัดงานบ้านให้เรียบร้อย
 ไม่ดูหมิ่น  สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
 ไม่นอกใจ  ไม่นอกใจ
 มอบความเป็นใหญ่ในบ้านให้  รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
 หาเครื่องประดับให้ในโอกาสอันควร  ขยัน  ไม่เกียจคร้านการงานทั้งปวง

๒)  หลักธรรมสำหรับการครองเรือน
    ฆราวาสธรรม  เป็นหลักธรรมสำหรับการครองเรือนหรือการครองชีวิตของคฤหัสถ์  มี  ๔  ประการ  ได้แก่
๑)  สัจจะ  คือ  ความจริงใจ  ความซื่อสัตย์  ความซื่อตรง  พูดจริง  ทำจริง
๒)  ทมะ  คือ  การฝึกฝน  การข่มใจ  ฝึกนิสัย  ปรับตัว  รู้จักควบคุมจิตใจ  ฝึกหัดดัดนิสัย  แก้ไขข้อบกพร่อง  ปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา
๓)  ขันติ  คือ  ความอดทน  ตั้งใจทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร  เข้มแข็ง  ทนทาน  ไม่หวั่นไหว  มุ่งมั่นในจุดหมาย
๔)  จาคะ  คือ  ความเสียสละ ๓)  หลักธรรมเพื่อพัฒนาวงศ์ตระกูลให้ยั่งยืน
   กุลจิรัฏฐิติธรรม 
เป็นหลักธรรมสำหรับดำรงความมั่งคั่งของตระกูลให้ยั่งยืน  หรือทำให้ตระกูลมั่งคั่งอยู่ได้นาน  มี  ๔  ประการ  ได้แก่
๑)  นัฏฐคเวสนา  คือ  ของหาย  ของหมด  รู้จักหามาไว้
๒)  ชิณณปฏิสังขรณา  คือ  ของเก่า  ของชำรุด  รู้จักบูรณะซ่อมแซม
๓)  ปริมิตปานโภชนา  คือ  รู้จักประมาณในการกินการใช้
๔)  อธิปัจจสีลวันตสถาปนา  คือ  ตั้งผู้มีศีลธรรมเป็นพ่อบ้านแม่เรือน
๒)  วิริยะ  ความเพียร  คือ  ความขยันที่จะทำสิ่งนั้นด้วยความอดทนและไม่ท้อถอย
๓)  จิตตะ  ความคิด  คือ  การตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำและทำสิ่งนั้นด้วยความคิด  ไม่ปล่อยจิตให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป
๔)  วิมังสา  ความไตร่ตรอง  คือ  การหมั่นใช้ปัญญาพิจารณาหาข้อดีข้อบกพร่อง  รู้จักคิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง
   ๒)  พละ  ๕  หมายถึง  หลักธรรมอันเป็นกำลังหรือทำให้เกิดความมั่นคง  คือช่วยให้การทำงานลุล่วงสำเร็จได้  มี  ๕  ประการ  ได้แก่
๑)  สัทธา  คือ  มีความเชื่อมั่นหรือสัทธาในสิ่งที่ตนเองทำ
๒)  วิริยะ  คือ  ความเพียร  ปราศจากความเกียจคร้าน
๓)  สติ  คือ  มีความระลึกได้  ไม่ประมาท
๔)  สมาธิ  คือ  มีจิตตั้งมั่น  ไม่มีความฟุ้งซ่าน
๕)  ปัญญา  คือ  มีความรู้ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่กระทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

                การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ     การขยายตัวของเทคโนโลยีสา รสนเทศ        เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการ...